ปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้ว ที่รัสเซียเฉลิมฉลองวันสำคัญอย่าง “วันแห่งชัยชนะ” หรือ Victory day ที่สามารถพิชิตกองทัพนาซีเยอรมนีได้ จนทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในปี 1945 ท่ามกลางการทำสงครามรุกรานยูเครน

โดยตามธรรมเนียมปกติ จะเป็นวันที่รัสเซียถือโอกาสแสดงแสนยานุภาพทางการทหารผ่านขบวนพาเหรดอย่างยิ่งใหญ่ แต่ปีนี้เป็นอีกปีที่พิธีถูกลดขนาดลง เนื่องจากสูญเสียทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปจากการสู้รบ แม้ว่าขณะนี้รัสเซียจะเป็นฝ่ายได้เปรียบในสมรภูมิรบที่ยูเครนก็ตาม

โดยส่วนหนึ่งของพิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะที่จัตุรัสแดงในกรุงมอสโก โดยในปีนี้พิธีสวนสนามเริ่มต้นขึ้นในเวลา 10.00น. ตามเวลาท้องถิ่น กองทัพรัสเซียได้จัดกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ร่วมในขบวนสวนสนาม โดยกำลังพลจำนวนหนึ่งเคยเข้าร่วมสู้รบในสงครามยูเครน

ส่วนยุทโธปกรณ์ที่ถูกนำมาร่วมขบวน มีตั้งแต่ระบบยิงขีปนาวุธยุทธศาสตร์ข้ามทวีปรุ่นอาร์เอส-24 ยาร์ส รถหุ้มเกราะไทเกอร์-เอ็ม รวมถึงรถถังรุ่น T-34 ซึ่งเป็นรถถังที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากใช้ในการเอาชนะนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยนำมาเข้าร่วมขบวนเพียง 1 คันเท่านั้น สื่อหลายสำนักตั้งข้อสังเกตว่า ขบวนที่ลดขนาดลงเป็นปีที่ 2 บ่งชี้ว่า รัสเซียสูญเสียอาวุธและกำลังพลไปจากการทำสงครามในยูเครน

การเดินขบวนเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะในปีนี้ยังมีการจัดกำลังทหารพร้อมปืนก่อกวนสัญญาณโดรนเพื่อดูแลรักษาความเรียบร้อยด้วย คาดว่าที่ต้องถือปืนก่อกวนสัญญาณโดรน เพราะเกรงว่ายูเครนจะใช้โดรนเข้ามาโจมตีระยะไกล ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ยูเครนมักใช้ในการตอบโต้การทำสงครามของรัสเซียช่วงระยะหลังที่ผ่านมา

แม้จะสูญเสียกำลังจากการมุ่งทำสงครามในยูเครน แต่รัสเซียยังคงจัดพิธีเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะในทุกๆ ปี เพราะเป็นวันที่มีความสำคัญอย่างมากต่อประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของรัสเซียคำพูดจาก สล็อตทรูวอเลท

9 พฤษภาคม ถือเป็นหนึ่งในวันที่มีความสำคัญมากที่สุดวันหนึ่งในปฏิทินการเมืองของรัสเซีย เพราะเป็นวันที่กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตสามารถเอาชนะกองทัพนาซีของเยอรมนีได้และนำไปสู่การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนกันยายน ปี 1939 เมื่อกองทัพนาซีเยอรมนีเข้ารุกรานเพื่อนบ้านในยุโรป เริ่มจากโปแลนด์ไปจนถึงฝรั่งเศส หลังจากนั้นในเดือนมิถุนายน ปี 1941 ฮิตเลอร์สั่งกองทัพนาซีหลายล้านนายบุกสหภาพโซเวียตแบบสายฟ้าแลบในยุทธการที่มีชื่อว่า “บาบารอสซา” โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อขยายดินแดนและกำจัดลัทธิคอมมิวนิสต์

โจเซฟ สตาลิน ผู้นำสหภาพโซเวียตในเวลานั้น สั่งระดมกำลังกองทัพแดงตั้งรับการเข้ามาของกองทัพนาซี การสู้รบในหลายสมรภูมิ เช่น สมรภูมิสตาลินกราด สมรภูมิรเชฟ เป็นไปอย่างดุเดือด

กองทัพนาซีเริ่มเสียเปรียบเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ท่ามกลางอากาศที่เย็นจัดและอุณหภูมิติดลบ 20 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดปัญหาการส่งกำลังบำรุงทั้งอาวุธ กระสุน เสื้อผ้าและอาหารให้กับทหารในแนวหน้า ทหารนาซีหลายแสนนายเสียชีวิตจากการถูกกองทัพแดงสังหาร บางส่วนหนาวตาย

ด้านสหภาพโซเวียตเองก็มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยประเมินว่ามีทั้งทหารและพลเรือนเสียชีวิตรวมกว่า 27 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ชาวโซเวียตสามารถปกป้องแผ่นดินได้ ยุทธการบาบารอสซาที่ดำเนินอยู่กว่า 10 เดือนจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของกองทัพนาซี

ต่อมาในเดือนเมษายน 1945 กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตร่วมกับกองทัพของสัมพันธมิตรที่ประกอบไปด้วย สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เข้าล้อมกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี กองทัพนาซีกำลังถูกตีต้อนให้จนมุม ก่อนที่ 30 เมษายน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์จะตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลังจากนั้น กองทัพของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสบุกเข้าเบอร์ลินทางตะวันตก ก่อนที่กองทัพนาซียอมจำนนและเหลือเพียงด้านตะวันออก

จากนั้นในวันที่ 8 พฤษภาคม กองทัพแดงของสหภาพโซเวียตเข้ารุกปิดฉากนาซีจากฝั่งตะวันออกของเบอร์ลิน ทหารกองทัพแดงบางส่วนบุกฝ่าเข้าไปถึงใจกลางเมือง ปักธงค้อนเคียวขึ้นเหนืออาคารรัฐสภาของเมืองหลวงที่กำลังมอดไหม้ ก่อนที่เยอรมนีจะลงนามในข้อตกลงยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข

ชัยชนะของกองทัพแดงในปี 1945 คือ ช่วงเวลาที่รัสเซียสมัยใหม่ภูมิใจมากที่สุด ไม่มีประวัติศาสตร์หน้าไหนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าช่วงเวลานี้แล้ว เรื่องราวนี้ถูกเล่าสืบต่อผ่านการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ทุกๆ วันที่ 9 พฤษภาคมของทุกปี

การเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะของรัสเซียในปีนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัสเซียและชาติตะวันตกตึงเครียดและสุ่มเสี่ยงที่จะเผชิญหน้ากันมากที่สุดครั้งหนึ่ง เนื่องจากสงครามยูเครน ซึ่งรัสเซียมองว่าเป็นการต่อสู้เพื่อขับเคี่ยวกับอำนาจตะวันตก

อีกสิ่งที่หลายฝ่ายเฝ้ารอในพิธีเฉลิมลองวันแห่งชัยชนะคือสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เนื่องจากเนื้อหาของสุนทรพจน์สามารถบ่งชี้ทิศทางของรัสเซียต่อสงครามยูเครน

ในปีนี้ ประธานาธิบดีปูตินกล่าวสุนทรพจน์โจมตีชาติตะวันตก โดยกล่าวหาชาติตะวันตกที่เคยเป็นพันธมิตรกันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่า “หยิ่งยโส” ที่ลืมบทบาทสำคัญของอดีตสหภาพโซเวียตที่ช่วยให้ชนะสงคราม

พร้อมขู่เตือนโลกตะวันตกว่า กำลังทำให้โลกสุ่มเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับความขัดแย้งระดับโลก โดยรัสเซียพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งเช่นนั้นขึ้น และจะไม่ยอมให้ใครคุกคามรัสเซีย โดยรัสเซียได้เตรียมความพร้อมด้านอาวุธนิวเคลียร์แล้ว

อย่างไรก็ดี วันแห่งชัยชนะไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ความภาคภูมิใจของรัสเซียเพียงประเทศเดียว แต่ยังเป็นวันแห่งชัยชนะของประเทศต่างๆ ที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต รวมถึงประเทศพันธมิตรในยุโรป

ยูเครนคือหนึ่งในประเทศที่ร่วมรำลึกวันแห่งชัยชนะเช่นกันอย่างไรก็ตาม ปีนี้ถือเป็นปีที่ 2 แล้วที่ยูเครนเปลี่ยนวันแห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะมาเป็นวันที่ 8 พฤษภาคมตามชาติพันธมิตรตะวันตก ซึ่งต่างจากตามธรรมเนียมปฏิบัติในอดีตที่ยูเครนจะเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะในวันที่ 9 เหมือนกับรัสเซีย

ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้ใช้โอกาสเนื่องในวันแห่งชัยชนะ เพื่อประกาศความมุ่งมั่นของยูเครนที่จะเอาชนะรัสเซียในสงครามให้ได้ แม้ว่ายูเครนจะกลายไปเป็นฝ่ายเสียเปรียบรัสเซียในสมรภูมิรบ และต้องเผชิญกับการรุกคืบของกองทัพรัสเซียในหลายจุดที่แนวรบในแคว้นโดเนตสก์ทางภาคตะวันออกในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนได้กล่าวถ้อยแถลงเนื่องในวันแห่งชัยชนะ โดยเลือกแถลงจากห้องใต้ดินของโรงเรียนแห่งหนึ่งที่หมู่บ้านยาฮิดเนีย ในแคว้นเชอร์นิฮีฟทางตอนเหนือของยูเครน ซึ่งเคยตกอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียในช่วงแรกของสงครามในปี 2022 เป็นเวลา 22 วัน

ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวว่า ขณะนี้ยูเครนกำลังลุกขึ้นต่อสู้กับปีศาจที่หวนกลับมาทำลายยูเครนอีกครั้ง ไม่ต่างไปจากบรรพบุรุษของพวกเขาที่ต่อสู้กับนาซีเยอรมนีเมื่อเกือบ 80 ปีที่แล้ว และชื่อของปีศาจตนใหม่ก็คือ ฟาสซิสต์รัสเซีย

พร้อมระบุว่า หากจุดจบของนาซีเยอรมนีคือการถูกลงโทษฐานอาชญากรสงคราม นี่ก็จะเป็นจุดจบแบบเดียวกันที่รัสเซียจะต้องเผชิญหลังสงครามสิ้นสุดลง

และยูเครนเชื่อว่า ยูเครนจะสามารถเอาชนะรัสเซียได้ในท้ายที่สุด เหมือนกับที่ยูเครนสามารถขับไล่นาซีออกไปจากแผ่นดินได้เมื่อเกือบ 80 ปีที่แล้ว

แม้ตอนนี้ยูเครนจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบและยังต้องใช้เวลาอีกสักพักก่อนที่จะสามารถใช้อาวุธและกระสุนปืนใหญ่ที่สหรัฐฯ กำลังส่งให้เพื่อเปลี่ยนสถานการณ์การสู้รบ

แต่ยูเครนก็ยังคงใช้ยุทธศาสตร์การโจมตีระยะไกลด้วยโดรนเพื่อโจมตีเป้าหมายทางการทหารหรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของรัสเซียในแผ่นดินรัสเซียอย่างต่อเนื่องการโจมตีครั้งล่าสุดเกิดขึ้นที่แคว้นคราสโนดาร์ โดยมุ่งเป้าไปยังคลังน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ ส่งผลให้เกิดเพลิงลุกไหม้ หน่วยงานจัดการภัยพิบัติในพื้นที่ระบุว่า มีถังเก็บน้ำมันหลายถังที่ได้รับความเสียหาย

By admin